
ในปัจจุบันหลายคนยังเข้าใจผิดระหว่างยา PrEP กับ PEP ว่าเป็นยาต้านไวรัส HIV เหมือนกันวิธีใช้และประสิทธิภาพก็คงไม่ต่างกันแต่ในความเป็นจริงนั่นเป็นความคิดที่ผิดซึ่งแท้จริงแล้วยาทั้งสองชนิดนั้นมีความแตกต่างกันและการทานยาประเภทนี้ต้องได้รับการจ่ายยาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือต้องมีการปรึกษาแพทย์ก่อนทานซึ่งรวมไปถึงการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ก่อนที่จะมีการรับยาด้วยเพราะว่าการทานยาประเภทนี้ จะทานได้เมื่อคุณไม่มีเชื้อ เท่านั้น
เนื้อหาตามหัวข้อ
PrEP คืออะไร?
PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นการป้องกันเอชไอวีคือการใช้ยาต้านไวรัส ก่อนมีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อเอชไอวีจะต้องทานยา PrEP เป็นประจำ โดยปกติจะอยู่ในรูปแบบของยาเม็ดทานรายวัน เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเอชไอวีในกรณีที่มีโอกาสได้รับเชื้อ
PEP คืออะไร?
PEP (Post-Exposure Prophylaxis) เป็นยาป้องกันที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากได้รับเชื้อ PEP เป็นการใช้ยาต้านไวรัสในระยะเวลาที่กำหนดหลังจากได้รับเชื้อ ปกติจะต้อง ทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยงได้รับเชื้อเอชไอวี

ความแตกต่างระหว่าง PrEP กับ PEP
คุณสมบัติ | PrEP | PEP |
ช่วงเวลาที่ใช้งาน | ก่อนสัมผัสเชื้อ | ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากอาจสัมผัสเชื้อ |
วัตถุประสงค์ | ป้องกันการติดเชื้อ | ป้องกันการติดเชื้อหลังเสี่ยง |
ประสิทธิภาพ | สูงถึง 99% เมื่อใช้ยาอย่างต่อเนื่อง | สูงถึง 80% หากเริ่มภายใน 72 ชั่วโมง |
ระยะเวลา | ต่อเนื่องจนกว่าจะไม่มีความเสี่ยง | 28 วัน |
ผลข้างเคียง | น้อยและหากพบมักจะหายไปเอง | พบได้บ่อยและรุนแรงกว่า |
ผู้ใดควรรับ PrEP หรือ PEP
- ผู้ที่ไม่ได้สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนเป็นประจำ
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
การใช้ยาต้านไวรัส PrEP หรือ PEP นั้นต้องดูสถาณนการณ์นั้นๆว่าบริบทเป็นอย่างไรและควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มใช้เพื่อการป้องกันอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพที่สุด
ผลข้างเคียงของยา PrEP และ PEP
ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัสทั้งสองชนิดจะมีหลากหลายอาการ เช่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ท้องเสีย และจะดีขึ้นเมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ ควรตรวจ HIV ในขณะที่รับยาตามคำสั่งแพทย์ ดังนั้นผู้ใช้ยาจะต้องไปพบแพทย์ตามนัดของแพทย์เป็นประจำและเมื่อมีปัญหาในการทานยาควรปรึกษาแพทย์ทันที
ประสิทธิภาพใของ PrEP และ PEP
ประสิทธิภาพของยา PrEP ในการป้องกัน HIV นั้นจะอยู่ที่ 90% หากรับประทานยาอย่างเคร่งครัดและสามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยได้โดยไม่ติดเชื้อ ส่วนในประสิทธิภาพของยา PEP ในการป้องกันเอชไอวี นั้นจะอยู่ที่ 80% หากรับประทานยาหลังมีความเสี่ยงในการรับเชื้อมาภายใน 72 ชั่วโมงหรือยิ่งทานเร็วยิ่งเป็นผลดีให้ยาเป็ปมีประสิทธิภาพสูงสุด

อนาคตของ PrEP และ PEP
การจะเข้าถึงศักยภาพอย่างเต็มที่ของ PrEP และ PEP ต้องอาศัยความร่วมมือและการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพ ชุมชน และผู้กำหนดนโยบายทางภาครัฐจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ:
- การแก้ไขปัญหาตราบาปและการเลือกปฏิบัติ: ขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงยาต้านไวรัสตามอคติทางสังคม
- การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา: การจัดหาแนวทางเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น
- การเสริมสร้างระบบสุขภาพ: สร้างศักยภาพในการจัดส่ง PrEP และ PEP อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่หลากหลายและเกี่ยวข้อง
อนาคตของ PrEP และ PEP นั้น เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่จะปฏิวัติการป้องกันเอชไอวีด้วยการยอมรับนวัตกรรม การเข้าถึงอย่างเท่าเทียม และการส่งเสริมความร่วมมือ เราสามารถใช้พลังของเครื่องมือเหล่านี้เพื่อสร้างโลกที่การแพร่เชื้อ เอชไอวี กลายเป็นศูนย์
PrEP และ PEP ยาต้านไวรัสทั้งสองชนิดนั้นล้วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจจุดประสงค์และข้อจำกัดที่แตกต่างกันของทั้งสองวิธี แม้ว่า PrEP และ PEP จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ทั้งสองไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้การตรวจหาเอชไอวีและการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงเชื้อเอชไอวีได้มากที่สุด มอง PrEP และ PEP ให้เป็นอีกชั้นหนึ่งของการป้องกันในการต่อสู้กับเอชไอวีและควรปรึกษาแพทย์เสมอเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ